การหักเหเกิดได้ดีกับ แสงที่ตามองเห็น (visible light) ซึ่งเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นของ สเปกตรัมรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic spectrum) ที่เป็นเช่นนี้เพราะคลื่นแสงมีความถี่สอดคล้องดีกับ การแกว่งกวัด (oscillation) ของอิเล็กตรอนในวงโคจร แต่สำหรับรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีพลังงานสูงขึ้น ๆ ตั้งแต่รังสีอัลตราไวโอเลตขึ้นไป ความถี่ของคลื่นจะสูงเกินไปสำหรับอิเล็กตรอนจะตอบสนอง ทำให้เลน์มีประสิทธิภาพแย่ลงเรื่อย ๆ เมื่อพลังงานสูงขึ้น ๆ อย่างไรก็ดี ในราวปลายศตวรรษก่อน (ประมาณ 20 ปีก่อน) นักฟิสิกส์สามารถประดิษฐ์เลนส์สำหรับรังสีเอกซ์ซึ่งมีพลังงานสูงขึ้นถัดจากรังสีอัลตราไวโอเลต ได้สำเร็จ ด้วยเลนส์ที่เป็นวัสดุซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น และเป็นจุดเริ่มของสาขา ทัศนศาสตร์รังสีเอกซ์ (x-ray optics) ซึ่งด้วยคลื่นที่สั้นของรังสีเอกซ์ ทำให้สามารถสร้างภาพแยกชัดได้ในระดับนาโนเมตร
เมื่อรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าเคลื่อนผ่านเข้าไปในตัวกลาง ความเร็วจะขึ้นกับ ดัชนีหักเห ของวัสดุ โดยเมื่อรังสีผ่านจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง จะเกิดการเปลี่ยนของดัชนีหักเห ซึ่งทำให้รังสีเคลื่อนเบนทิศทางไปได้ ซึ่งประการนี้เป็นพื้นฐานของ ทัศนศาสตร์แผนเดิม (classical optics) สำหรับรังสีเอกซ์ ดัชนีหักเหกำหนดได้จาก การกระเจิงเรย์ลี (Rayleigh scattering) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์แนวคลาสสิก ที่สามารถอธิบายได้โดยไม่ต้องอ้างอิงถึงปฏิสัมพันธ์ในรายละเอียด ระหว่างแต่ละโฟตอนกับนิวเคลียสทั้งหลายของอะตอม
การที่นักฟิสิกส์ใช้การกระเจิงเรย์ลีในการโฟกัสรังสีเอกซ์ กำลังของผลลดลงเป็น กำลังสองผกผัน (inverse square) กับพลังงานของรังสีเอกซ์ กล่าวคือ สำหรับรังสีเอกซ์พลังงานสูง ๆ (และต่อเนื่องไปยังรังสีแกมมาพลังงานต่ำ ๆ) เลนส์ไม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพพอให้รังสีเบนได้มาก ทางแก้คือ ใช้เลนส์จำนวนมากมาต่อเรียงกัน อย่างไรก็ดี ไม่มีเลนส์ใดที่ส่งผ่านได้สมบูรณ์ ดังนั้น ด้วยพลังงานสูง ๆ ที่ต้องใช้เลนส์จำนวนมาก กลับส่งผลในทางปฏิบัติคือ รังสีทั้งหมดถูกดูดกลืนในเลนส์
กล่าวกันตาม ฟิสิกส์แผนเดิม (classical physics) และ ควอนตัมฟิสิกส์สัญนิยม (conventional quantum physics) แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปที่พลังงานสูงขึ้น นี่คือวิธีการเริ่มต้นการตรวจวัดในซิลิคอนที่ ดีทริช ฮับส์ (Dietrich Habs) และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยลุดวิกแมคซีมีเลียนส์ (Ludwig Maximilians University) เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ร่วมกับ มิคาเอล เยนท์เชล (Michael Jentschel) และคณะวิจัยที่ สถาบันเลาเอ-ลองช์แวง (Institut Laue-Langevin) เมือง เกรอนอเบิล (Grenoble) ประเทศฝรั่งเศส ได้ทำการศึกษา แต่สิ่งที่พวกเขาค้นพบกลับปรากฏเป็นตรงกันข้ามอย่างแท้จริง ดัชนีหักเหเริ่มย้อนกลับเมื่อพลังงานประมาณสูงกว่า 700 กิโลอิเล็กตรอนโวลต์ (keV) ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ขณะเมื่อดัชนีหักเหเป็นลบสำหรับรังสีเอกซ์ กลับมีค่าเป็นบวกสำหรับรังสีแกมมา |