ในปี 1994 สหรัฐอเมริกาประกาศว่า มีพลูโทเนียมของกองทัพเหลือใช้ เก็บอยู่ในคลัง 52.5 ตัน ในจำนวนนี้ รวมทั้งพลูโทเนียมที่ไม่เคยนำมาใช้เป็นอาวุธมาก่อน (non-pit material) และประมาณ 20 ตัน เป็นชนิดที่มีคุณภาพ ที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิงผสมได้
ในเดือนมิถุนายน 2000 สหรัฐอเมริกาและรัสเซียได้ทำความตกลง ที่จะจำหน่ายพลูโทเนียมชนิดที่ใช้เป็นอาวุธ ของแต่ละฝ่ายจำนวน 34 ตัน ให้ได้ภายในปี 2014 สหรัสจะเดินตามโปรแกรมสองแนวทาง คือ จัดการเก็บไว้เป็น กากกัมมันตรังสีระดับสูง และแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงผสมใช้ในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ด้วยทุนของตัวเอง ขณะที่ประเทศ กลุ่ม จีเจ็ด (G-7) จะจัดการเรื่องงบประมาณ 2500 ล้านดอลลาร์อเมริกัน ให้รัสเซียเพื่อดำเนินโปรแกรม โดยมุ่งเน้น ที่จะจัดการเป็นเชื้อเพลิงผสม สำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ VVER แต่ที่ต้องใช้วงเงินสูงก็เพราะว่า ในส่วนนี้ไม่ได้เป็น ส่วนหนึ่ง ของนโยบายเกี่ยวกับวัฏจักรเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ของรัสเซีย ได้มีการตกลงแก้ไขในเดือนเมษายน 2010 อนุญาตให้ใช้พลูโทเนียมรัสเซีย เพื่อมาใช้กับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบนิวตรอนเร็ว BN-800 และยืดระยะเวลาไปจน ถึงปี 2018 แต่อย่างไรก็ตาม การระดมทุนจาก G7 จะไม่สามารถใช้ได้บนพื้นฐานนี้ และรัสเซียต้องใช้เงินทุนส่วนใหญ่ ของโปรแกรมจากกองทุนที่มีส่วนร่วม 400 ล้านดอลลาร์อเมริกันจากสหรัฐอเมริกา พลูโทเนียมปริมาณ 68 ตัน นี้ เทียบเท่าได้กับยูเรเนียมธรรมชาติถึง 12,000 ตัน
พลูโทเนียมชนิดที่ใช้เป็นอาวุธเพื่อนำมาใช้ในวงจรของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ทางพลเรือน จะต้องเก็บไว้ภายใต้ การรักษาความปลอดภัยที่มั่นคง และมีมาตรการทางเทคนิคที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัถุประสงค์นี้ เชื้อเพลิงผสมที่ได้มาจาก การลดความเข้มข้นของพลูโทเนียมลง เพื่อไม่ให้มีการสกัดพลูโทเนียม-239 ออกมาได้ และมีความชัดเจนในการบรรลุ วัตถุประสงค์ โดยสหรัฐอเมริกาได้ลดการจัดเก็บพลูโทเนียมในรูปของกากกัมมันตรังสีระดับสูงลง ตามแผนการกำจัด พลูโทเนียมที่ใช้ทางการทหารเดิม และนี่คือภาพสะท้อนของข้อตกลงกับรัสเซียในเดือนเมษายน 2010
หลังจากที่ได้มีการพิจารณาทางด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม คณะกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์สหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ Duke,Stone&Webster สร้างโรงงานสำหรับผลิตเชื้อเพลิงผสมของพลูโทเนียมขึ้นที่ DOE Savannah site ในมลรัฐเซาท์แคโรไลนา
การก่อสร้างได้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2007 โดย Areva MOX Service โดยจะประกอบทำเชื้อเพลิงผสม เพื่อใช้ทางพลเรือนให้ได้จำนวน 1700 แท่งจากยูเรเนียมด้อยสมรรถะ และใช้พลูโทเนียมชนิดที่ใช้เป็นอาวุธ ไม่ต่ำกว่า 34 ตัน มาเป็นส่วนผสม ซึ่งแตกต่างจากโรงงานเชื้อเพลิงผสมอื่น ๆ ที่ใช้พลูโทเนียมที่เป็นผลผลิตใหม่จาก เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งหนึ่งในสามจะเป็นไอโซโทปพลูโทเนียมชนิดไม่ใช่วัสดุฟิสไซล์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของ สหรัฐอเมริกาที่จะใช้เชื้อเพลิงผสม จะต้องได้รับใบอนุญาต ทั้งนี้ Shaw Areva MOX Service ซึ่งมีสัญญาอยู่กับ National Nuclear Security Administration (NNSA) จะเป็นเจ้าของโรงงาน ที่คาดว่าจะดำเนินการได้จากปี 2016 โรงงานมีมูลค่าสูง 3,500 ล้านดอลลาร์อเมริกัน รวมอีก 1,300 ล้านดอลลาร์อเมริกัน เป็นค่าประกันเหตุอันเหนือ ความคาดหมาย และอีกจำนวน 183 ล้านดอลลาร์อเมริกัน เป็นค่านำเนินการต่อปี ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการ ไม่เผยแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ค่าใช้จ่ายประจำปีจะถูกชดเชยโดยรายได้* (*มีข้อสังเกตว่า จากการต่อรองกับรัสเซีย ที่สหรัฐอเมริกามักจะเน้นรูปแบบเทคโนโลยีที่ซับซ้อน เพื่อจัดการเก็บพลูโทเนียมไว้ในรูปแบบกากกัมมันตรังสีระดับสูง ตามแผนการไม่เผยแพร่อาวุธนิวเคลียร์ โดยจัดการในรูปแบบหล่อปูน ทำเป็นหินสังเคราะห์ หล่อเป็นแก้ว แล้วรวม กำจัดทิ้งในรูปของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว โดยรัสเซียค่อนข้างแปลกใจ และไม่อยากจะเชื่อว่าจะดำเนินการเช่นนี้ ทั้งที่ได้ทุ่มเทเงินมากถึงหลายพันล้านดอลลาร์อเมริกัน เพื่อผลิตมันขึ้นมา แล้วก็โยนมันทิ้งไป ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้เงิน อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อการกำจัดทิ้งเพิ่มเข้าไปอีก รัสเซียมองเห็นว่ามันจะเป็นแหล่งพลังงานอันมหาศาล ในที่สุดก็ มาถึงข้อสรุปที่ตรงกัน ที่จะเปลี่ยนพลูโทเนียมชนิดที่ใช้เป็นอาวุธจำนวน 34 ตัน เป็นเชื้อเพลิงผสมเพื่อผลิตไฟฟ้า เพื่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา)
ในเดือนมิถุนายน 2005 แท่งเชื้อเพลิง 4 แท่งแรก ได้ประกอบขึ้นจากเชื้อเพลิงผสมออกไซด์ จากพลูโทเนียม กองทัพทหารสหรัฐอเมริกา ผสมกับยูเรีนยมด้อยสมรรถนะ ได้เริ่มผลิตไฟฟ้าจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ Duke Powers Catawba-1 ในแคโรไรนาใต้ บนพื้นฐานการลองใช้งาน โดยการนำเอา 140 กิโลกรัม ของพลูโทเนียมชนิดใช้เป็นอาวุธ มาทำเป็นเม็ดได้ 2 ตัน ที่โรงงาน Cadarache และประกอบเป็นชุดแท่งเชื้อเพลิงที่โรงงาน Melox ในฝรั่งเศส ผลการลองใช้ สรุปผลเป็นที่พอใจ
ในเดือนกันยายน 2007 กระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา (DOE) ได้ประกาศนำเอาพลูโทเนียมอีก 9 ตัน จากการรื้ออาวุธหัวรบ นำมาทำเชื้อเพลิงผสมที่โรงงาน Savannah River ทำให้ได้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ถึง 61.5 ตัน ซึ่งเหลือเฟือสำหรับใช้ทางด้านความมั่นคงของประเทศ และใช้เพื่อเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์หมุนเวียน ใช้ใน เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ด้านพลเรือน (มีเหลืออีกประมาณ 38 ตัน สำหรับโปรแกรมอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา)
กระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกายังได้เคลื่อนย้ายพลูโทเนียม ที่เตรียมไว้สำหรับทำอาวุธนิวเคลียร์อีกจำนวน 12.8 ตัน ไปที่ Savannah River ในปี 2010 เมื่อรวบรวมได้ตามจำนวน DOE มีแผนที่จะดำเนินการกำจัด หรือนำไป ใช้งานที่โรงงาน 3 แห่งที่ Savannah River ซึ่งเป็นโรงงานประกอบเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ผสมที่กำลังก่อสร้างจำนวน 7.8 ตัน และที่โรงงาน H-Canyon ที่มีอยู่ และได้เสนอให้เป็นโรงงานขนาดเล็ก สำหรับการจัดการพลูโทเนียมให้เปลี่ยนรูป แบบหลอมเป็นแก้วเพื่อความสมดุลจำนวน 5 ตัน โรงงาน H-Canyon เป็นโรงงานสุดท้ายของสหรัฐอเมริกา ที่มีศักยภาพ ในการจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ HEU ที่ใช้แล้ว และวัสดุเชื้อเพลิงนิวเคลียร์อื่น ๆ ที่คล้ายกัน ที่ยังดำเนินการได้อยู่ (H-Canyon เริ่มตั้งแต่ปี 1955 เดิมใช้แยกยูเรเนียม เนปทูเนียม และพลูโทเนียม จากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้วทางทหาร และจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยชนิด HEU ตั้งแต่ปี 1998 ได้ใช้เพื่อนำมาแยกเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว และวัสดุนิวเคลียร์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานหมุนเวียนมาเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ LEU โดยโปรแกรมนี้จะดำเนินการต่อไปจนถึงปี 2019)
ต่อมาในเดือนกันยายน 2007 ได้เพิ่มปริมาณพลูโทเนียมอีก 9 ตัน ในโปรแกรมทำเชื้อเพลิงผสมของพลูโทเนียม NNSA ได้ตัดสินใจให้โรงงาน Savannah River เป็นผู้เริ่มต้นผลิตของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์เพื่อใช้กับ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบนิวตรอนเร็วขั้นสูง (advanced fast reactors) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของของ โปรแกรมริเริ่มวัฏจักรเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ขั้นสูง (advanced fuel cycle initiative program)
ในขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาได้พัฒนา มาตราฐานของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว โดยระบุปริมาณของ พลูโทเนียม ต้องมีไม่เกินกว่าที่มันมีอยูแล้วในเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้ว และทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแผ่รังสีแกมมาที่มี ความเข้มสูง โรงงานบำบัดกากกัมมันตังสีถ้าจะมีการก่อสร้างขึ้น จะต้องมีส่วนที่เกี่ยวกับการทำเป็นรูปแบบหินสังเคราะห์ (artificial rock) ของพลูโทเนียม (ชื่อการค้าคือ Synroc) และห่อหุ้มแผ่นเล็ก ๆ นี้ ในถังโลหะบรรจุกากกัมมันตรังสี ระดับสูงที่ถูกหลอมเป็นแก้ว หรือทางเลือกอื่น ๆ คือผสมพลูโทเนียมกับผลผลิตฟิชชัน และหลอมให้เป็นแก้วที่โรงงาน ขนาดเล็กที่ได้เสนอที่ Savannah River
ยุโรปซึ่งมีการพัฒนาด้านศักยภาพเชื้อเพลิงผสมอย่างดีแล้ว ได้มีข้อเสนอแนะว่า พลูโทเนียมที่มีที่มาจาการใช้ เป็นอาวุธ จะต้องมีการกำจัดไปอย่างรวดเร็ว พลูโทเนียมที่ได้มาจากการใช้เป็นอาวุธอาจจะนำมาผสม กับวัสดุที่ใช้กับ เชื้อเพลิงเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หรือนำมาผสมรวมกับพลูโทเนียม-238 แต่การใช้เชื้อเพลิงผสมเพียง 30% ของ เชื้อเพลิงของ 1 ใน 3 ของศักยภาพครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโลก ก็สามารถขจัดหัวรบนิวเคลียร์พลูโทเนียมได้ ประมาณ 15 ตันต่อปี นั่นคือการเผาไหม้ของหัวรบถึง 3000 หัวรบต่อปี เพื่อผลิตไฟฟ้าได้ 110 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง มีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในยุโรปมากกว่า 35 เครื่อง ที่ไดรับอนุญาตให้ใช้เชื้อเพลิงผสม และมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ของฝรั่งเศส 22 เครื่อง ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เชื้อเพลิงผสม 30% ของเชื้อเพลิงที่ใช้
รัสเซียมีความตั้งใจที่จะใช้พลูโทเนียมของตัวเอง เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบ นิวตรอนเร็ว เช่น เครื่อง BN-600 และ BN-800 และต่อมา BREST ที่เมือง Beloyarsk โดยที่สหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า มันซ้ำซ้อนกับแผนการของสหรัฐอเมริกา ที่ได้วางแผนใช้เชื้อเพลิงผสมสำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ตามแบบ ธรรมดารุ่นล่าสุด และสำหรับกรณีนี้รัสเซียยืนยันว่า สหรัฐอเมริกาต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่หลังจาก การประกาศความร่วมมือของ Global Nuclear Energy Partnership ในปี 2006 กับข้อเสนอให้ใช้เชื้อเพลิงผสม กับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบนิวตรอนเร็ว ข้อคัดค้านแผนการของรัสเซียจากฝ่ายสหรัฐอเมริกาก็หายไป ปริมาณเริ่มต้น 34 ตัน ของพลูโทเนียม พร้อมที่จะนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงผสม ซึ่งเพียงพอที่จะนำมาประกอบเป็นแท่งเชื้อเพลิงได้ 1350 แท่ง สำหรับใช้ในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลเบา แต่ตอนนี้จะใช้เป็นเชื้อเพลิงผสม สำหรับเครื่องปฏิกรณ์ นิวเคลียร์แบบนิวตรอนเร็ว BN-600 และ BN-800 โดยเครื่องBN-600 จะใช้เพียง 1 ใน 3 ของเชื้อเพลิงผสม ในแกนเครื่อง และเครื่อง BN-800 ใช้เชื้อเพลิงผสมทั้งหมดในแกนเครื่อง และนับเป็นจำนวนปริมาณการใช้ส่วนมาก สหรัฐอเมริกาตกลงที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ 400 ล้านดอลลาร์อเมริกัน ซึ่งน้อยกว่าทางเลือกถ้าใช้เชื้อเพลิง ผสมกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ VVER
การเผาไหม้ของพลูโทเนียมในรูปเชื้อเพลิงผสมในเครื่อง BN-600 จะเริ่มต้นในปี 2012 โดยจะมีการยกเอา ส่วนห่อหุ้มยูเรเนียมด้อยสมรรถนะเดิม (แบลงเคต) เพื่อการผลิตพลูโทเนียมออกไป และทดแทนด้วยส่วนประกอบ สเตนเลส ซึ่งใช้เป็นส่วนสะท้อนนิวตรอน เครื่อง BN-800 ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง จะยังคงมีส่วนห่อหุ้มของ ยูเรเนียมด้อยสมรรถนะอยู่ แต่จะดำเนินการในฐานะผู้บริโภคพลูโทเนียมสุทธิตลอดโครงการของการขจัดพลูโทเนียม ความร่วมมือนี้คาดว่า จะเผาไหม้พลูโทเนียมที่มาจากอาวุธได้ 1.5 ตันต่อปี สหรัฐอเมริกาและรัสเซียตั้งใจที่จะร่วมมือกัน พัฒนาเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบระบายความร้อนด้วยแก๊สอุณหภูมิสูง (GT-MHR) ในรัสเซียต่อไป ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยให้การกำจัดพลูโทเนียมได้เร็วยิ่งขึ้นประมาณปี 2015
ในปี 2000 สหรัฐอเมริกา-รัสเซียได้มีข้อตกลงเพื่อทำให้หมดข้อสงสัย ที่จะมีการแยกเอาพลูโทเนียมออกมาจาก เชื้อเพลิงผสมพลูโทเนียมที่มาจากพลูโทเนียมที่ใช้ทางการทหาร ถ้าพลูโทเนียมถูกแยกออกมา ดังนั้นการแยกนี้จะได้ทั้ง พลูโทเนียมรวมกับยูเรเนียม หรือรวมกับพวกแอกทิไนดด์ รัสเซียกล่าวว่าได้แยกพลูโทเนียมออกมาจากเชื้อเพลิง ได้แล้ว 40 ตัน
เชื้อเพลิงทอเรียม-พลูโทเนียม (Thorium-plutonium fuel)
ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 รัสเซียได้มีโปรแกรมพัฒนาเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ทอเรียม-ยูเรเนียม ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มุ่งเน้นมาใช้ประโยชน์จากพลูโทเนียมที่ใช้เป็นอาวุธ มาเป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ทอเรียม-พลูโทเนียม
โปรแกรมตั้งฐานที่ Moscows Kurchatov Institute และเกี่ยวข้องกับบริษัทสหรัฐอเมริกา Lightbridge Corporation (Thorium Power เดิม) และมีเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะออกแบบเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ VVER-100 ของรัสเซีย ที่ใช้เชื้อเพลิงธรรมดาของยูเรเนียมออกไซด์เสริมสมรรถนะ ทั้งหมด การออกแบบใหม่จะมีการถอดส่วนกลาง และมีการจัดเรียงส่วนห่อหุ้มใหม่ โดยให้พลูโทเนียมอยู่ในส่วนตรงกลาง และห่อหุ้มล้อมรอบด้วยทอเรียม (ที่มียูเรเนียมผสมอยู่) โดยทอเรียม-232 จะถูกเปลี่ยนเป็นยูเรเนียม-233 ซึ่งเป็น วัสดุฟิสไซล์เช่นเดียวกับพลูโทเนียม-239 ที่อยูในแกนกลาง วัสดุส่วนห่อหุ้มล้อมรอบจะยังคงใช้งานได้ 9 ปี แต่ส่วนที่อยู่ ในแกนกลางจะถูกใช้งานได้เพียงแค่ 3 ปี (ในกรณีปกติ) การออกแบบเชื้อเพลิงในรูปของเม็ด แล้วทำเป็นแท่งในส่วน แกนกลางของเครื่อง ได้นำไปสู่ประสบการณ์ที่กว้างขวางของครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของกองทัพเรือรัสเซีย เชื้อเพลิง ทอเรียม-พลูโทเนียมมีข้อดี 4 ข้อ ที่ดีกว่าเชื้อเพลิงผสมของพลูโทเนียม-ยูเรเนียม ของการไม่ส่งเสริมเผยแพร่ขยาย อาวุธนิวเคลียร์ คือใช้เข้ากันได้ดีกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่มีอยู่ ต้องการการแก้ไขดัดแปลงน้อยในการที่จะเผาไหม้ เชื้อเพลิง เชื้อเพลิงสามารถที่จะผลิตได้ในโรงงานที่มีอยู่แล้วในรัสเซีย ดังนั้นมันจึงสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ปี 2006 นอกจากนี้ในแท่งเชื้อเพลิงเพียงแท่งเดียว ก็สามารถใส่ปริมาณของพลูโทเนียมได้มากกว่าเชื้อเพลิงผสมพลูโทเนียม-ยูเรเนียม ดังนั้นจึงมีศักยภาพที่จะกำจัดพลูโทเนียมได้มากกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงผสมพลูโทเนียม-ยูเรเนียม ปริมาณของเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วก็น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และช่วยให้โอกาสที่จะหมุนเวียนเอาวัสดุมาทำเป็นอาวุธนิวเคลียร์ น้อยลง เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงใช้แล้วของพลูโทเนียม-ยูเรเนียม ทั้งนี้เพราะมีวัสดุฟิชไซล์ของพลูโทเนียมเหลืออยู่ น้อยมาก ประมาณการว่ามีพลูโทเนียมที่ใช้เป็นอาวุธอยุ่ 15 ตัน ในรัสเซีย โครงการทอเรียม-พลูโทเนียมทำให้ไม่มี ความจำเป็น ที่จะต้องตัดข้ามแผนโรงงานที่มีอยู่ ไปทำเชื้อเพลิงแบบพลูโทเนียม-ยูเรเนียม
ถอดความจาก http://www.world-nuclear.org/info/inf13.html
โพสต์เมื่อ : 30 มีนาคม 2555 |