เค-19 เป็นเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์ และเป็นหนึ่งในสองลำแรกของรัสเซีย ที่ติดตั้ง ขีปนาวุธนิวเคลียร์ ในระหว่างก่อสร้างทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายคน ในหมู่กลาสีและนายทหารเรือจึงให้ฉายาแก่เรือลำนี้ ว่า “ฮิโรชิมา” หมายถึง “เรือแห่งวันพิพากษาโทษ”
ณ ใต้ทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1961 ภายใต้บังคับการของกัปตันเรือ นาวาเอก นิโคไล วลาดิมีโรวิช ซาเตเยฟ (Nikolai Vladimirovich Zateyev) ระบบระบายความร้อน (coolant system) ของเรือดำน้ำเค-19 เกิดรอยรั่วขนาดใหญ่ ทำให้อุณหภูมิของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ใช้ขับเคลื่อนเรือ สูงขึ้นมากในระดับอันตรายคือ อุณหภูมิสูงถึง 800 องศาเซลเซียส เนื่องจากระบบออกแบบไว้ไม่ดีพอ ผนวกกับไม่มีระบบระบายน้ำสำรอง ทั้งที่ได้เคยร้องขอมาก่อนแล้ว ดังนั้น กัปตันซาเตเยฟจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสั่งการให้เจ้าหน้าที่วิศวกรรมจำนวน 7 นาย ลงมือซ่อมแซมรอยรั่ว ทั้งที่อัตราปริมาณรังสีที่ได้รับสูงถึงในระดับที่ทำให้เสียชีวิต
การอุดรอยรั่วประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ดี ลูกเรือทั้ง 7 คนนี้ ได้เสียชีวิตภายใน 1 สัปดาห์ เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้สารกัมมันตรังสีเปรอะเปื้อนเรือไปตลอดทั้งลำ และเชื่อว่ารังสีที่รั่วไหลในเหตุการณ์นี้ ทำให้ลูกเรืออีก 20 นาย เสียชีวิตในอีกหลายปีต่อมา
กองทัพเรือโซเวียตต้องซ่อมใหญ่เรือลำนี้ จนต่อมาก็สามารถกลับมาปฏิบัติการได้ อย่างไรก็ดี เรือนี้เกิดอุบัติเหตุน่าขนหัวลุกต่อเนื่องมาอีกหลายครั้ง รวมถึงการชนกับเรือของสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1969 และการเกิดไฟไหม้ในปี 1972 ซึ่งคร่าชีวิตลูกเรือไป 28 นาย ดีที่เรือถูกปลดระวางไปเมื่อปี 1991
อุบัติเหตุครั้งนี้ถูกปกปิดไว้นานถึง 30 ปี รัสเซียสดุดีวีรกรรมของลูกเรือเป็นอย่างสูง โดยระบุว่า หากการบังคับการ ไม่ดีและลูกเรือไม่สละชีวิต เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะระเบิดอย่างรุนแรง และปลดปล่อยสารกัมมันตรังสีออกมามหาศาล เป็นอันตรายต่อภูมิภาค และเนื่องจากเป็นยุคสงครามเย็น (cold war) การปล่อยให้เกิดระเบิดอาจนำไปสู่สงครามโลก ครั้งที่ 3 ได้ |