“ความร้อนราวร้อยละ 50 ที่โลกปลดปล่อย เกิดจากการสลายกัมมันตรังสี (radioactive decay) ของบางธาตุ อาทิเช่น ยูเรเนียมและทอเรียม และจากธาตุผลผลิตจากการสลายกัมมันตรังสีของธาตุเหล่านั้น” นี่เป็นข้อสรุป ของกลุ่มนักฟิสิกส์นานาชาติกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใช้อุปกรณ์ตรวจหาที่มีชื่อว่า KamLAND ของญี่ปุ่นสำหรับวัดฟลักซ์ (อัตราไหลต่อพื้นที่) ของจำนวนอนุภาคแอนตินิวทริโนที่ถูกปล่อยออกมาจากส่วนลึกใต้พื้นโลก ผลลัพธ์ที่ได้นี้ สอดคล้องกับผลการคำนวณความร้อนใต้พื้นพิภพที่ได้จากการสลายกัมมันตรังสี ที่มีการคำนวณกันไว้ก่อนหน้านี้ และผลลัพธ์นี้จะช่วยให้นักฟิสิกส์นำไปปรับปรุงแบบจำลองต่าง ๆ ที่จำลองว่าความร้อนผลิตขึ้นใต้พื้นโลกได้อย่างไรบ้าง
นักธรณีฟิสิกส์ (geophysicist) เชื่อกันว่าความร้อนจากใต้พิภพใหลออกสู่บรรยากาศรอบ ๆ โลกด้วยอัตรา ประมาณ 44 ? 1012 วัตต์ (44 เทระวัตต์) แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า ความร้อนทั้งหมดนี้มีสัดส่วนความร้อนเกิดพร้อมโลก (primordial) ที่ยังหลงเหลืออยู่ และเป็นสัดส่วนของความร้อนที่เกิดจากการสลายกัมมันตรังสีเป็นเท่าใด
แบบจำลองความร้อนเกิดจากการสลายกัมมันตรังสีที่แพร่หลายที่สุด ใช้หลักแบบจำลอง bulk silicate Earth (BSE) model ซึ่งตั้งสมมติฐานว่า วัสดุกัมมันตรังสี เช่น ยูเรเนียม และทอเรียม สามารถพบได้ในธรณีภาคชั้นนอก (lithosphere) และเปลือกโลก (mantle) โดยไม่พบในแกนเหล็ก (iron core) ของโลก แบบจำลองนี้ยังอธิบายด้วยว่า สามารถประเมินความอุดม (abundance) ของวัสดุกัมมันตรังสีได้โดยการศึกษาหินอัคนี (igneous rocks) ที่พบเกิดอยู่บนผิวโลก รวมถึงจากองค์ประกอบของดาวตก
จากผลลัพธ์ของแบบจำลองนี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ความร้อนประมาณ 20 เทระวัตต์เกิดจาก โซ่การสลายกัมมันตรังสี (radioactive decay chain) ของยูเรเนียม-238 และทอเรียม-232 อย่างละ 8 เทระวัตต์ และจากโพแทสเซียม-40 อีก 4 เทระวัตต์ โดยที่โซ่การสลายกัมมันตรังสีเหล่านี้ นอกจากจะผลิตความร้อนออกมาแล้ว ก็ยังผลิตและปล่อยอนุภาคที่แทบจะไม่มีมวล คือ นิวทริโนชนิดแอนติอิเล็กตรอน (anti-electron-neutrino) ออกมาด้วย อนุภาคชนิดนี้สามารถทะลุผ่านโลกไปได้ แต่มนุษย์ก็สามารถสรรหาวิธีตรวจหาอนุภาคชนิดนี้ได้สำเร็จแล้ว ดังนั้น นักฟิสิกส์จึงมีหนทางที่จะวัดอัตราการสลายกัมมันตรังสีได้ และท้ายที่สุดก็สามารถย้อนคำนวณความร้อน ที่ผลิตจากใต้พื้นโลกได้ |