ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าน่าตกตะลึงหรือน่าสยดสยองอาจเกิดขึ้นกับหลายคนที่แรกเห็นข่าวนี้ เป็นภาพที่ถูกนำเสนอ โดยแหล่งข่าวชั้นนำระดับโลกหลายสำนัก บรรยายถึงกลุ่มคนที่ถูกอัดแน่นในตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุก ที่มีจุดหมายปลายทางยังประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้อพยพโดยวิธีผิดกฏหมายเหล่านี้ถูกตรวจพบ ระหว่างการใช้อุปกรณ์ เอกซเรย์เพื่อค้นหาสิ่งของผิดกฏหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเสพติด ที่ด่านตรวจชานเมืองตุซตลากูตีเอร์เรซ (Tuxtla Gutierrez) ที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐเชียปัส (Chiapas) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศเม็กซิโก คนจำนวน 513 คนที่อยู่ในอิริยาบทนั่งบ้าง ยืนบ้าง โดยสารมาในรถบรรทุกขนาดใหญ่ 2 คันด้วยสภาพที่แออัดยัดเยียด ส่วนหนึ่งมาจาก ประเทศจีน อินเดีย เนปาล เอกวาดอร์ กัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์ และอย่างละหนึ่งคนในนั้นตามข่าวรายงานว่า มาจากประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐโดมินิกัน และ ฮอนดูรัส ซึ่งขณะนี้ได้รับความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมเบื้องต้นแล้ว ก่อนจะมีการประสานงานเพื่อส่งกลับประเทศของแต่ละคนต่อไป
การขนส่งในสภาพที่แออัดเป็นอย่างมากเช่นนี้ นับว่าไร้มนุษยธรรมและเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้โดยสาร เพราะบางคน ไม่มีที่พอแม้แต่จะนั่งลงกับพื้น แต่ต้องอาศัยยืนเกาะเชือกที่แขวนอยู่กับเพดานตู้คอนเทนเนอร์ที่ไม่มีห้องน้ำ บางคนมีอาการขาดน้ำและหายใจไม่สะดวก แม้จะมีการเจาะรูไว้ที่เพดานตู้แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการหายใจ ผู้อพยพรายหนึ่ง ให้การว่ารถบรรทุกออกจากรัฐปวยบลา (Puebla) ที่อยู่ใกล้เคียงกัน และได้รับการบอกกล่าวว่าจะต้องไปเปลี่ยนถ่าย ขึ้นรถอีกชุดหนึ่ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังชายแดนสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีใครยอมบอกว่ามีแก๊งค์ค้ายาเข้ามาเกี่ยวพันด้วยหรือไม่ เพียงแต่บอกว่าจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้างให้แก่ผู้ลักลอบทำการนี้รายละ 7,000 ดอลลาร์อเมริกันเลยทีเดียว เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผู้อพยพส่วนหนึ่งบอกว่า ไม่สามารถอยู่ในบ้านเกิดของตนเองได้อีกต่อไป เนื่องจากไม่มีงานให้ทำ และไม่มีอะไรจะกิน เหตุการณ์ครั้งนี้คนขับรถพยายามจะหลบหนี แต่ถูกตำรวจตามจับได้ในที่สุด รวมถึงผู้ต้องหา ที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอีก 4 คน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของโลกและคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ที่จะมีการลักลอบนำคนเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย ก่อนนี้ไม่นาน ทางเม็กซิโกเองก็เคยจับได้ถึงสองร้อยกว่าคนในรถบรรทุกเพียงคันเดียว ทางการของอังกฤษเอง ก็เคยตรวจพบ การลักลอบพาคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายทำนองเดียวกันนี้ ทางช่องแคบด้านที่ติดกับฝรั่งเศส แต่ต่อมา ทางการฝรั่งเศสได้ยกเลิก และประณามการใช้เอกซเรย์สแกนเพื่อค้นหาผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย เนื่องจากเกรงว่า บุคคลจะได้รับอันตรายจากรังสี แม้จะมีเจ้าหน้าที่บางคนพยายามออกมาอธิบายว่า ก่อนการสแกนแต่ละครั้งได้มีการเตือนผู้ลักลอบเข้าเมือง ที่อาจแอบซ่อนตัวอยู่ในรถด้วยภาษาที่แตกต่างกันถึง 12 ภาษา ได้รับทราบถึงอันตรายที่อาจได้รับจากรังสีเอกซ์
เครื่องเอกซเรย์ชนิดที่ใช้นี้ มีหลักการทำงานเช่นเดียวกันกับเครื่องเอกซเรย์กระเป๋า ที่เราพบเห็นกันตามสนามบิน อันเป็นที่รู้จักและเรียกกันทั่วไปว่า Velocity Checkpoint เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก จนสามารถให้รถบรรทุก เคลื่อนผ่านเข้าไปได้ทั้งคัน สามารถถ่ายภาพเอกซเรย์ได้ด้วยความละเอียดที่สูงที่สุด บางรุ่นมีความสามารถทะลุทะลวง เหล็กกล้า (steel) ได้หนากว่า 46 มิลลิเมตรเลยทีเดียว สามารถแยกแยะวัตถุได้ว่าประกอบด้วยสารอินทรีย์ หรือสารอนินทรีย์ มีระบบซูมภาพให้ใหญ่ขึ้น ทั้งยังสามารถสั่งการทำงานได้จากระยะไกล พร้อมมีคอมพิวเตอร์ จัดเก็บข้อมูลเป็นอย่างดีอีกด้วย
แม้เหตุการณ์นี้จะเปรียบเทียบไม่ได้เลย กับการโดยสารรถประจำทางหรือรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน แต่ทางการเม็กซิโกเองได้ออกมาขอโทษ ที่มีการแพร่ภาพถ่ายเอกซเรย์เช่นนี้ออกมา และแน่นอนที่ องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จะต้องออกมาประนามการขนส่งมนุษย์เช่นนี้ หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง หากผู้คนที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายนี้ สามารถเดินทางไปถึงประเทศปลายทางที่เขาเหล่านั้นวาดความหวังไว้ว่า จะได้พบเจอสิ่งที่ดีกว่า ก็ยังไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ประเทศ ที่พวกเขาเข้าไปอยู่หรือไม่ จึงเป็นเรื่องน่าคิด ที่เทคโนโลยีอันก้าวหน้ามีไว้เพื่อป้องกันประเทศ บางครั้งก็ให้ผลออกมา ในแง่มุมที่ทำให้เราไม่อยากจะนึกถึงจริงๆ |