บทส่งท้าย
ท่านทราบหรือไม่ว่า แสงสว่างอันไสวบนโลกใบนี้ในยามค่ำคืนทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งได้มาจากพลังงานนิวเคลียร์ จากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 436 เครื่องของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน กำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ประมาณร้อยละ 14

นี่คือผลงานจากการค้นพบในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 50 ปีตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ของนักวิทยาศาสตร์ นับร้อย แต่มีอยู่ 6 ท่านที่นำไปสู่ความสำเร็จ ตามที่ท่านได้อ่านผ่านตามาแล้ว
ท่านเห็นด้วยหรือไม่ว่า บทบาทการค้นหาพลังงานนิวเคลียร์ของทั้งหกท่าน ถ้าเปรียบกับ อาหารจานเด็ด ก็คือ ส่วนผสม หรือ Ingredients ที่ช่าง ลงตัว และจะ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ไปไม่ได้
และหากเปรียบ พลังงานนิวเคลียร์ ว่าเป็น ขุมทรัพย์ อย่างหนึ่ง การค้นพบรังสีเอกซ์ของเรินต์เกน เปรียบไปก็คือการค้นพบขุมทรัพย์พลังงานอย่างหนึ่งก่อน ที่ทำให้ผู้ออกตามล่าขุมทรัพย์คนต่อมาคืออองรี แบ็กเกอแรล ผู้พบร่องรอยของ ขุมทรัพย์พลังงานนิวเคลียร์ ที่ไหลล้น จิ๊บ ๆ ออกมาจากอะตอมยูเรเนียม คงเพราะเป็น พลังงานต่ำ ๆ ที่อะตอมปล่อยออกมาเขาจึงไม่ค่อยสนใจ แต่ว่านี่คือการค้นพบ ปรากฏการณ์กัมมันตภาพรังสี อันเป็น ปฐมบท ของการค้นพบขุมทรัพย์พลังงานนิวเคลียร์อันมหาศาล
ถึงตรงนี้ มารี กูรี นักศึกษาหญิง ผู้เป็นลูกศิษย์ของแบ็กเกอแรลก็โผล่ออกมา
เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วย น้ำอดน้ำทน ที่นำสินแร่ยูเรเนียมหลายตันมาสกัดแยก ยูเรเนียมบริสุทธิ์ ที่อาจมีอยู่เพียงหนึ่งกำมือ แต่ผลตอบแทนก็คุ้มค่าเพราะไม่เพียงเจอแค่ยูเรเนียม เธอยังค้นเจอธาตุใหม่ อีก 2 ธาตุคือ เรเดียม และ พอโลเนียม ซึ่งล้วนเป็น ธาตุกัมมันตรังสี ที่มีพลังงานในรูปของรังสีแอลฟาและรังสีบีตา ไหลล้นออกมา จิ๊บ ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเท่ากับบอกให้ชาวโลกได้รู้ว่า ขุมทรัพย์พลังงานนิวเคลียร์ก็คือ ธาตุกัมมันตรังสี ทั้งหลาย
นี่ทำให้นักวิทยาศาสตร์สมัยนั้นพากันค้นหาธาตุกัมมันตรังสีกันจ้าละหวั่น ซึ่งผลพวงที่ได้ก็คือ การได้รู้ว่า ธาตุแต่ละธาตุมีได้หลาย ไอโซโทป และคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือ เออร์เนสต์ รัทเทอร์ฟอร์ด ผู้มีร่างใหญ่และท่าทางซุ่มซ่าม ซึ่งก็คงเพราะเขาเป็น ชาวนา ที่มาจากเนลสันอันไกลโพ้น แต่นี่ก็คงทำให้เขาแข็งแรง กว่าคนทั่วไปด้วย โดยเฉพาะพลังสมองที่คิดแก้ไขปัญหาโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
รัทเทอร์ฟอร์ดมุ่งมั่นอยู่กับขุมทรัพย์ที่ชื่อว่ายูเรเนียม จนสามารถย้อนตามรอยลึกเข้าไปถึงภายในอะตอมยูเรเนียม จนพบ ประตูขุมทรัพย์ ที่ซึ่ง ใต้ปากประตู มีพลังงานไหลท้นลอดใต้ธรณีประตูออกมา (tunneling) และ ประตูขุมทรัพย์ นี้ ถ้าเรียกให้เป็นวิชาการก็คือ
นิวเคลียส
เมื่อมี ประตู ก็ต้องมี กุญแจประตู และเมื่อมีกุญแจประตูก็ต้องมี ลูกกุญแจประตู แต่หลังจากค้นพบ ประตูขุมทรัพย์ รัทเทอร์ฟอร์ดประกาศว่า การที่คิดจะหาลูกกุญแจประตูเพื่อไขประตูและเอาพลังงานนิวเคลียร์ ออกมาใช้ประโยชน์นั้นเป็นเรื่อง เหลวไหล
ถามว่าใครจะฟัง ?
ในที่สุดก็มีคนหาเจอ ลูกกุญแจ เขาคือ เอนรีโก แฟร์มี
ลูกกุญแจ ที่ว่าก็คือ นิวตรอนช้า นิวตรอนที่ทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้ง่ายขึ้นกว่าปกตินับร้อยเท่าตัว อันทำให้พลังงานที่ปกติไหลลอดออกมา จิ๊บ ๆ ถั่งท้นออกมาได้มากขึ้น แต่แฟร์มีกลับไม่รู้ตัวว่าเขาได้ แง้มประตูขุมทรัพย์ ออกมาแล้ว
นี่คงเพราะแฟร์มีมีลักษณะของ วิศวกร อยู่มากไปบ้าง
ทักษะพิเศษประการหนึ่งของแฟร์มีก็คือการคำนวณที่รวดเร็ว แฟร์มีรู้วิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์แทบทุกอย่าง และใช้ได้อย่างรวดเร็ว โดยจดวิธีคำนวณไว้ในสมุดพร้อมหยิบขึ้นมาใช้ได้ทุกเมื่อ และมีเทคนิคประจำตัวเรียกว่า ขนาดของอันดับ (order of magnitude) ซึ่งช่วยให้เขาคำนวณโดยประมาณได้เร็วเร็วกว่าทุก ๆ คน
ยกตัวอย่างจากการทดสอบการระเบิดของ ลูกระเบิดอะตอม ในโครงการแมนแฮตตัน แฟร์มีอยู่ห่างจาก จุดที่เกิดการระเบิด 10,000 หลา หลังการระเบิดผ่านไป 40 วินาที แฟร์มีค่อย ๆ ล้วงเศษกระดาษที่เตรียมไว้ออกมา จากกระเป๋า และขณะที่คลื่นแรงผลักดันฉับพลัน (blast wave) จากการระเบิดมาถึง แฟร์มีก็ปล่อยเศษกระดาษ และสังเกตตำแหน่งที่มันตกลงที่พื้นว่าไปได้ไกลเท่าใด จากนั้นก็คิดคำนวณในใจอย่างรวดเร็วได้อย่างใกล้เคียงว่า แรงระเบิดครั้งนี้เทียบเท่ากับทีเอ็นทีประมาณ 20,000 ตัน
ดังนั้นหน้าที่ ไขประตูได้สำเร็จ จึงตกไปอยู่กับ ออทโท ฮาน นักเคมีผู้นอบน้อมถ่อมตน ฝีมือดี และละเอียดลออ ฮานใช้ลูกกุญแจของแฟร์มีคือนิวตรอนช้า ไขไปที่ประตูเดียวกับที่แฟร์มีเคยไขจนประตูเปิดแง้มมาก่อน และฮานสังเกตออกว่า ประตูขุมทรัพย์ได้เปิดออกแล้ว
ภาษาวิชาการของ การไขประตูได้สำเร็จ ก็คือการค้นพบ การแบ่งแยกนิวเคลียส
เมื่อนิวเคลียสของอะตอมยูเรเนียมเกิดการแบ่งแยกนิวเคลียส จะมีนิวตรอนหลุดออกมา 2 หรือ 3 อนุภาค กับ พลังงาน อีกประมาณ 200 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์
ถ้าถามว่า 200 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ นี่มันแค่ไหน ก็ยังต้องตอบว่า จิ๊บ ๆ อยู่นั่นเอง
เพราะว่า 1 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์เท่ากับ 1.60 ? 10-6 เอิร์ก หรือเท่ากับ 1.60 ? 10-3 วัตต์-วินาที ดังนั้น 200 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ก็คิดเทียบเป็นพลังงานไฟฟ้าได้เพียง 3.2 ? 10-11 วัตต์-วินาที เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ภายในเวลา 1 วินาที ถ้าเกิดการแบ่งแยกนิวเคลียสของอะตอมยูเรเนียมได้จำนวนถึง 3.1 ? 1010 นิวเคลียสจึงจะเกิดพลังงานเทียบได้กับไฟฟ้า 1 วัตต์
หลอดประหยัดไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านขนาด 10 วัตต์ต้องใช้ยูเรเนียมกี่อะตอมใน 1 วินาทีก็ลองคูณเลขเอาเองเถิด และนี่เองคงเป็นที่มาคำพูด ...เรื่องเหลวไหล ของรัทเทอร์ฟอร์ด
แต่ทราบหรือไม่ว่า อะตอม นั้นเล็กขนาดไหน และอะตอม 1 อะตอมมี 1 นิวเคลียสให้เกิดแบ่งแยกได้ 1 ครั้ง และยูเรเนียมขนาดก้อนเท่านิ้วก้อย (ประมาณ 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร) มีน้ำหนักเกือบ 19 กรัม และถ้านับเป็นจำนวน อะตอม ก็มีมากถึงราว 5 ? 1022 อะตอม (ห้าพันล้านล้านล้านอะตอม) ซึ่งเทียบเท่ากับกระแสไฟฟ้าสำหรับป้อน หลอดประหยัดไฟฟ้า 500 ดวงได้นาน 10 ปี

ดังนั้น ถึงตรงนี้ทุกคนรู้แล้วว่าแม้ ประตูขุมทรัพย์ จะถูกเปิดออกแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียง ขุมทรัพย์จิ๊บ ๆ เท่านั้น และเรื่องอย่างนี้ต้องการ วิสัยทัศน์ยาวไกล ของใครบางคน
คนที่มีวิสัยทัศน์คนนั้นก็คือนักฟิสิกส์ที่มีคุณสมบัติของนักประดิษฐ์และวิศวกรชื่อ ลีโอ ซีลาร์ด เขาคิดออกว่า จะต้องทำให้ประตู ขุมทรัพย์จิ๊บ ๆ นับล้าน ๆ ประตู เปิดออกต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ ภาษาวิชาการเรียกว่า ปฏิกิริยาลูกโซ่แบ่งแยกนิวเคลียส
แต่ซีลาร์ดมีปัญหา 3 ประการต้องแก้ไข
ปัญหาประการแรก คือ การเปิดประตูขุมทรัพย์ 1 ประตูต้องมีกุญแจ 1 ดอก ดังนั้น ซีลาร์ดต้องมี เครื่องปั๊มกุญแจ
ปัญหาประการที่สอง คือ ต้อง ควบคุม ปฏิกิริยาลูกโซ่แบ่งแยกนิวเคลียสให้ได้ด้วย มิฉะนั้น พลังงานจะพรวดออกมาพร้อม ๆ กันมหาศาลจนกลายเป็นลูกระเบิด นั่นคือ การควบคุมการไขกุญแจให้ค่อยเป็นค่อยไป ได้มากน้อยตามต้องการ
อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ปั๊มกุญแจและควบคุมการไขประตูได้ด้วย เรียกตามภาษาวิชาการว่า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ปัญหาประการที่สามของซีลาร์ดก็คือ ในขณะนั้น การสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เป็นเพียงทฤษฎี ที่ต้องทดสอบความเป็นไปได้ จึงต้องการทั้ง บุคลากร และ เงินทุน มหาศาล ซีลาร์ดจึงต้องการ ยักษ์ในตะเกียงวิเศษ มาเสกสรรบันดาลบุคลากรและเงินทุนแก่เขา และยักษ์ตนนั้นก็คือ โรสเวลต์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ประเทศที่เขาลี้ภัยนาซีมาพึ่งใบบุญนั่นเอง
แต่คนฮังการรีลี้ภัยเล็ก ๆ ที่ไร้ชื่อเสียงอย่างซีลาร์ด จะไปปลุกยักษ์โรสเวลต์ขึ้นมาคุยกับเขาได้อย่างไร และทางออกของเขาก็คือเพื่อนเก่าเกลอรักอย่าง ไอน์สไตน์
แล้วก็ไม่ผิดหวัง ชื่อเสียงอันโด่งดังของไอน์สไตน์ ดังพอจะปลุกยักษ์โรสเวลต์ ให้ลุกขึ้นมาสนับสนุนพวกเขาได้ อันเป็นที่มาของ โครงการแมนฮัตตัน ที่ใช้เงินมากมายถึง 1,889,604,000 ดอลลาร์อเมริกัน (หนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบเก้าล้านหกแสนสี่พันดอลลาร์)
ถึงตรงนี้บุคคลที่มีคุณสมบัติซึ่งเหมาะสมที่สุด คือ เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรในคนเดียวกัน อย่าง เอนรีโก แฟร์มี ก็กลับออกมาที่หน้าฉากอีกครั้งหนึ่ง เขานำทีมสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องแรกของโลก ชิคาโกไพล์-1 ได้สำเร็จ แม้ว่าจากความสำเร็จครั้งนี้จะดำเนินต่อไปสู่การผลิตลูกระเบิดอะตอมที่ถูกนำไป ใช้ทำลายล้างชีวิตมนุษย์ แต่หลังจากนั้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ชิคาโกไพล์-1 ก็ได้กลายเป็น ต้นแบบ ของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 436 เครื่องที่กำลังเดินเครื่องอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน การใช้รังสีในการรักษาโรคที่ริเริ่มโดยมารี กูรีก็ได้ช่วยชีวิตมนุษย์มามากมายจนทุกวันนี้ และกรรมวิธีเคมีรังสีประยุกต์ของฮานก็ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งในทางอุตสาหกรรมและการเกษตร
|