สิ่งที่ได้เรียนรู้
ในการเข้าร่วมประชุม FEC ครั้งนี้ นอกจากจะได้รับรู้เนื้อหาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฟิวชันแล้ว ยังได้สัมผัส และเรียนรู้ถึงความคิดแบบก้าวหน้าของนักวิจัยระดับแนวหน้าของโลก
กุญแจสู่ความสำเร็จ คือทัศนคติ
อย่างแรก ขอกล่าวถึงประเทศเจ้าภาพในครั้งนี้ เกาหลีใต้เป็นประเทศที่พัฒนาอย่างรวดเร็วมาก ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ที่สังคมฃ เกาหลีใต้มีนั้น อาจจะคือคนของเขานั่นเอง สิ่งที่สังเกตได้ชัดอย่างหนึ่งของคนเกาหลี คือการมองโลก ในแง่บวก มุ่งความก้าวหน้า การมีทัศนคติที่ว่าเราสามารถทำได้ can do แน่นอนว่าทุก ๆ สิ่งมีด้านบวกและลบ ไม่มีอะไรที่เป็น สิ่งเลวร้ายร้อยเปอร์เซนต์ หรือ ดีร้อยเปอร์เซนต์ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ สิ่งสำคัญคือการจัดการกับสิ่งที่เป็นลบ ให้อยู่ภายใต้ การควบคุมที่เหมาะสม และผลักดันด้านบวกให้ดี มีประสิทธิผลอย่างเต็มที่ เกาหลีใต้รับนิวเคลียร์เข้ามา ในการพัฒนาประเทศ โดยตระหนักดีถึงความเสี่ยง แต่เขาก็สามารถจัดการกับความท้าทายทั้งหลายได้ โดยใช้ความรู้ ซึ่งสานต่อเป็นความชำนาญ ทำให้ปัจจุบันเกาหลีใต้เป็นประเทศชั้นนำทางนิวเคลียร์และเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกหลาย ๆ ด้านของโลก
ทำอะไรให้ดี ต้องมีแผนและความสามัคคี
การทำงานเป็นทีมของคนเกาหลีใต้ และนักวิจัยในประเทศแนวหน้าทางฟิวชัน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจ หากในสังคมมี คนที่มีความสามารถสูงมากมาย แต่ต่างคนต่างทำงานของตนเอง มุ่งเน้นแต่ความก้าวหน้าของตนเอง สังคมก็ไปไหนไม่ได้ ได้แต่งานชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย เอามารวมกันไม่ได้
เกาหลีใต้ เริ่มต้นจากแผน (master plan) ทุกอย่างมาจากการวางเกมจากจุดสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงาน นิวเคลียร์ฟิชชัน ที่แม้ว่าเกาหลีใต้จะเริ่มมีเครื่องปฏิกรณ์วิจัยเครื่องแรก พร้อม ๆ กับประเทศไทย แต่ตอนนี้เกาหลีใต้ มีเครื่องปฏิกรณ์กำลังอยู่ 20 เครื่อง และกำลังก่อสร้างอีก 6 เครื่อง หรือเรื่องการวิจัยเรื่องฟิวชัน ซึ่งตอนนี้ เกาหลีใต้ อยู่ร่วมในกลุ่มวิจัยแนวหน้าของโลก และเป็นสมาชิกหลัก 1 ใน 7 ของโครงการ ITER
เมื่อมีแผนแล้ว ทุกอย่างก็จะถูกจัดสรรเพื่อให้ได้มาซึ่งผลสำเร็จในภาพรวม ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่สนับสนุนการเติบโตในทิศทางที่เฉพาะเจาะจง ทั้งด้านการศึกษา ที่มีแหล่งเรียนรู้ มีหลักสูตรที่เข้มแข็ง และนำสมัย ทำให้ตอนนี้เกาหลีใต้มีมหาวิทยาลัยทางด้านเทคนิค (วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์) ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่ง ของโลก บัณฑิตต่างก็เห็นเส้นทางการทำงานที่ชัดเจน มีแหล่งทำงานรองรับ มีสวัสดิการที่ดี การที่ผู้คนเห็นทิศทาง ที่ชัดเจน ก็ทำให้เกิดความมั่นใจ และสามารถทำงานอย่างมีจุดมุ่งหมาย ซึ่งนำมาซึ่งความสุขในการทำงาน
ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและห้องวิจัยใหญ่ ๆ อื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน มีการทำงานที่เป็นระบบระเบียบ มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ละคนมี หน้าที่ที่ชัดเจน
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานด้านฟิวชันมานาน เมื่อพบกับด้านที่ตนเองไม่ถนัด ก็ยอมรับว่า ตนเองไม่ถนัดตรงนี้ และพร้อมที่จะเรียนรู้จากนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่น โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นใคร มาจากที่ใด อายุเท่าใด
แต่ละคน ที่มีความถนัดกันคนละด้าน ก็จะมีที่ลง แต่ละคนจะเป็นแต่ละตัวต่อ (pieces of the puzzle) หรือฟันเฟืองใน เครื่องจักรชิ้นใหญ่ เพราะองค์กรมีแผนแล้วว่าต้องการใครมาเพื่อทำงานอะไรที่ตรงไหน ทำให้งานที่ผลิตออกมาเป็น ชิ้นงานใหญ่ มีผลกระทบสูง สมาชิกขององค์การไม่ต้องนั่งคิดงาน สร้างงานที่สะเปะสะปะ แข่งขันกันเองภายใน ทำให้มีแต่การมา หักล้างกันเอง คล้ายกับการเคลื่อนที่แบบบราวน์ (Brownian motion) ที่มีค่าของการกระจัด (displacement) เฉลี่ยอยู่ราว ๆ ศูนย์
|