ศูนย์ฉายรังสี สทน. กับการฉายรังสีผลไม้เพื่อส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านเกษตรกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลไม้ ผลไม้ไทยหลายชนิดมีคุณภาพ และรสชาติเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก แต่จากสาเหตุการกีดกันทางการค้า ทำให้ผลไม้ไทยไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายยังหลายประเทศ ซึ่งประเทศที่เปิดให้นำเข้าผลไม้ฉายรังสีมีอยู่หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา แต่ประเทศสหรัฐอเมริกานับเป็นตลาดผลไม้ที่มีศักยภาพที่สุด โดยในแต่ละปีมีการนำเข้าผลไม้ทุกประเภทจำนวน 77,000 ตัน ซึ่งผลไม้เมืองร้อนคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณนำเข้าทั้งหมด ดังนั้น ประเทศไทยจึงได้พยายามดำเนินการมานานหลายปีเพื่อส่งออกผลไม้สดไปยังสหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าในปลายปี พ.ศ. 2550 จะเป็นการส่งออกปีแรกของไทย และตั้งเป้าว่าจะสามารถส่งออกผลไม้สดฉายรังสีไปยังสหรัฐอเมริกาคิดเป็นมูลค่าได้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท ทั้งนี้ หากภาคเอกชนได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาโรงงานฉายรังสีเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น คาดว่ามูลค่าการส่งออกผลไม้สดไทยจะสูงได้ถึงปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท
เดิมประเทศสหรัฐอเมริกามีข้อห้ามหรือจำกัดการนำเข้าผักและผลไม้จากบางภาคพื้นของโลก เพื่อป้องกันศัตรูพืชถิ่นอื่นเข้ามาแพร่ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2546 รัฐบาลไทยโดยหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และกรมวิชาการเกษตร (กวก.) ในฐานะ national plant protection organization (NPPO) รวมทั้งสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ร่วมกันผลักดันการเปิดตลาดผลไม้ไทย โดยได้ได้ร้องขอต่อหน่วยงาน Animal and Plant Health Inspection Service (APHIS) ของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture หรือ USDA) เพื่อขอนำเข้าผลไม้ 6 ชนิด คือ ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง มังคุด สับปะรด และเงาะเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ด้วยการขอจัดทำการประเมินความเสี่ยงศัตรูพืช (pest risk assessments: PRAs) ของผลไม้ทั้ง 6 ชนิด รวมถึงการมีมาตรการลดความเสี่ยงศัตรูพืชสำหรับการส่งออก (risk mitigation) |