การฉายรังสีอาหาร คือ การนำอาหารที่บรรจุภาชนะหรือหีบห่อที่เหมาะสม ไปผ่านรังสีในห้องกำบังรังสีในปริมาณรังสีที่เหมาะสม ตามวัตถุประสงค์ของการฉายรังสี ดังนั้น การฉายรังสีก็คือ กระบวนการถนอมอาหารชนิดหนึ่ง เพื่อการทำให้เก็บรักษาอาหารได้นานขึ้น
รังสีที่อนุญาตให้ใช้กับอาหาร
- รังสีแกมมา จากโคบอลต์-60
- รังสีเอกซ์จากเครื่องกำเนิด
- อิเล็กตรอนจากเครื่องกำเนิด
รังสีที่อนุญาตให้ใช้มีข้อได้เปรียบแตกต่างกัน
- รังสีแกมมามีความสามารถในการทะลุทะลวงผ่านอาหารได้ดี จึงเหมาะที่จะใช้กับอาหารที่มีขนาดใหญ่ แต่รังสีแกมมาถูกปล่อยออกมาตลอดเวลาในทุกทิศทางไม่ว่าจะใช้งานหรือไม่ก็ตาม จึงไม่เหมาะกับการผลิตปริมาณน้อย ๆ
- อิเล็กตรอนนั้นมีความสามารถในการทะลุทะลวงต่ำและใช้กระแสไฟสูง จึงไม่เหมาะกับอาหารที่มีความหนามาก แต่สามารถเปิดปิดได้ตามที่ต้องการ
วัตถุประสงค์ของการฉายรังสีและปริมาณรังสีที่ใช้
1.ยับยั้งการงอกระหว่างการเก็บรักษา เช่น หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง กระเทียม ขิง
- - หอมหัวใหญ่ไม่ฉายรังสีเก็บนาน 3 เดือน จะเริ่มงอก เมื่อฉายรังสี 0.09 กิโลเกรย์ร่วมกับการเก็บในห้องเย็นจะเก็บไว้ได้นานกว่า 5 เดือน โดยไม่งอก ไว้ที่ 17 ๐C
- - เห็ดฟางเมื่อฉายรังสีร่วมกับการเก็บไว้ที่ 17 ๐C ชะลอการบานได้ 4 วัน
- - สามารถใช้ทดแทนสารเคมีที่ใช้ในการระงับการงอกได้ โดยสารเคมีอาจมีการตกค้างในอาหารได้
2.ชะลอการสุกของผลไม้ เช่น มะม่วง มะละกอ กล้วย
- กล้วยหอมทองฉายรังสี 0.2-0.4 กิโลเกรย์ เก็บที่ 170C ชะลอการสุก 3-5 วัน
3.ควบคุมการแพร่พันธุ์ของแมลง เช่น มะขามหวาน ถั่ว ผลไม้แห้ง เมล็ดธัญพืช
แบ่งเป็น 2 วิธี คือ
- การกำจัดโดยตรง ซึ่งเป็นการฉายรังสีอาหารเพื่อทำลายแมลงโดยตรง
- การกำจัดโดยทางอ้อม เป็นการฉายรังสีเพื่อควบคุมและกำจัดแมลงโดยใช้เทคนิคให้แมลงเป็นหมันในแมลงวันทอง
หลายประเทศมีความเข้มงวดมาก ในการควบคุมการแพร่ระบาดของแมลงที่อาจติดไปกับสินค้านำเข้า การแก้ปัญหาทำโดยการรมควันด้วยเอทธิลินไดโบรไมด์ แต่เนื่องจากเกิดปัญหาตกค้างเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ดังนั้น การฉายรังสีจึงเป็นวิธีที่สามารถใช้ทดแทนได้
4. ลดปริมาณจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสียและที่ให้เกิดโรค เช่น กุ้งแช่แข็ง แหนม หมูยอ ไส้กรอก
- แหนมฉายรังสีปริมาณ 2 กิโลเกรย์ใช้กำจัดเชื้อโรคท้องร่วงซัลโมเนลลา
- ไข่ฉายรังสีเพื่อกำจัดเชื้อโรคท้องร่วงซัลโมเนลลา
แซลโมเนลลา ( Salmonellae)
เป็นแบคทีเรียแกรมลบ รูปท่อน เคลื่อนที่ได้ ไม่สร้างสปอร์ ไม่ทนต่อความร้อน พบในธรรมชาติมากกว่า 2,000 ชนิด (serovarities) ทุกชนิดทำให้เกิดโรคได้ |