กล้วยอบเนยฉายรังสี Crispy Banana
ศูนย์ฉายรังสี
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
37 หมู่ 3 เทคโนธานี ต. คลองห้า อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี 12120 โทรศัพท์ 02-5774167-71 โทรสาร 02-5771945 http://www.tint.or.th/tic/HOME.htm

วัตถุประสงค์ เพื่อลดปริมาณจุลินทรีย์และจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ปริมาณรังสีที่ใช้ต่ำสุด 2 กิโลเกรย์

กล้วยอบเนยบรรจุในถุงพอลิโพรพิลีน นำมาฉายรังสีที่ปริมาณรังสีต่ำสุด 2 กิโลเกรย์ เพื่อลดปริมาณจุลินทรีย์และจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค โดยนำกล้วยอบเนยมาวัดการกระจายของรังสีตาม dose mapping reference No. M 040

การตรวจวิเคราะห์ชนิดและจำนวนของจุลินทรีย์ ผลการตรวจวิเคราะห์จำนวนจุลินทรีย์ ในผลิตภัณฑ์กล้วยอบเนยฉายรังสีที่ปริมาณรังสีต่ำสุด 2 กิโลเกรย์ และนำไปเก็บรักษาที่ห้องอุณหภูมิ ประมาณ 18-20 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 6 เดือน หลังการฉายรังสี โดยการเปรียบเทียบกับมาตรฐานชนิดและจำนวนจุลินทรีย์ ซึ่งกำหนดไว้ในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 586/2528 – กล้วยอบ

ชนิดจุลินทรีย์ที่ตรวจวิเคราะห์ (จำนวนคอโลนีต่อตัวอย่าง 1 กรัม)

กล้วยอบเนย
ไม่ผ่านการฉายรังสี

กล้วยอบเนย
ฉายรังสี

มอก. 586/2528 - กล้วยอบ

1.จำนวนจุลินทรีย์ที่มีชีวิตทั้งหมด

25

    น้อยกว่า  10

ไม่เกิน 100,000 คอโลนี ต่อ 1 กรัมตัวอย่าง

2.จำนวนเชื้อราและยีสต์ทั้งหมด

10

น้อยกว่า 10  

ไม่เกิน 100 คอโลนี ต่อ 1 กรัมตัวอย่าง

3. Coliform  โดยวิธี MPN ต่อตัวอย่าง 1 กรัม

     น้อยกว่า 3 

น้อยกว่า 3

 

4.E. coli

        ไม่พบ

      ไม่พบ

น้อยกว่า 3 ต่อตัวอย่าง 1 กรัม โดยวิธี MPN

5.Staphylococcus  aureus

         ไม่พบ

      ไม่พบ

ไม่พบต่อตัวอย่าง 1 กรัม

6.Salmonella

        ไม่พบ

       ไม่พบ

ไม่พบ ต่อตัวอย่าง 1 กรัม

7.Clostridium perfringens

       ไม่พบ

      ไม่พบ

ไม่พบ ต่อตัวอย่าง 1 กรัม

การประเมินคุณภาพอาหารด้านประสาทสัมผัสของกล้วยอบเนย จะดำเนินการให้มีการประเมินเป็นระยะ ๆ โดย ผู้ชิมจำนวน 12-16 คน การวิเคราะห์และการคำนวณทางสถิติใช้โปรแกรม MINITAB V.15 ในการคำนวณและประเมินผลแบบทดสอบแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 การทดสอบความแตกต่างวิธี different from control test โดยให้ผู้ทดสอบชิมระบุถึงระดับความแตกต่างระหว่างตัวอย่าง2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 อาหารฉายรังสีและอาหารไม่ฉายรังสี กลุ่มที่ 2 อาหารไม่ฉายรังสีและอาหารไม่ฉายรังสี โดยใช้สเกลตั้งแต่ 5 จุดถึง 9 จุดแล้วนำคะแนนที่ได้ของทั้งสองกลุ่มมาเปรียบเทียบว่า มีอาหารฉายรังสีและอาหารไม่ฉายรังสี มีความแตกต่างกันทางสถิติหรือไม่ ผลการทดลองพบว่า ผู้ทดสอบชิมประเมินให้กล้วยอบเนยที่ฉายรังสี ไม่แตกต่างจากกล้วยอบเนยที่ไม่ได้ฉายรังสี ณ 4 และ6 เดือนหลังฉายรังสี

ส่วนที่ 2 การประเมินคุณลักษณะและความชอบ เช่น ลักษณะภายนอก กลิ่น รสชาติ ความชอบโดยรวม โดยใช้สเกลตั้งแต่ 5 จุด ถึง 9 จุด โดยระดับคะแนนที่ได้สามารถนำมาใช้เป็นมาตรฐานในการประเมินคุณภาพระหว่างการเก็บรักษาได้ ผลการทดลองพบว่า ผู้ทดสอบชิมประเมินคุณลักษณะและความชอบ ให้กล้วยอบเนยที่ฉายรังสีไม่แตกต่างจากกล้วยอบเนยที่ไม่ได้ฉายรังสี ณ 4 และ 6 เดือนหลังฉายรังสี

จากผลการทดลองนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการผลิตกล้วยอบเนยฉายรังสี และเตรียมเป็นรูปแบบการกระจายของรังสี เพื่อใช้อ้างอิงในการฉายรังสีกล้วยอบเนยให้กับผู้ประกอบการต่อไป โดยเทคโนโลยีการฉายรังสีสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพ ยืดอายุการเก็บรักษา ทำให้ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชน นอกจากนี้สามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ให้เผยแพร่ทั้งในประเทศและส่งออกได้