จนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 วิธีที่ดีที่สุดในการตามดูรอยทางของอนุภาคย่อยกว่าอะตอม (subatomic particles) ก็โดยการใช้ห้องหมอกที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยชาร์ลส์ ที. อาร์. วิลสัน เมื่อปี ค.ศ. 1911 ห้องหมอกของวิลสันบรรจุไว้ด้วยอากาศที่อิ่มตัวด้วยไอน้ำ อนุภาคที่พุ่งผ่านทะลุมา ทำให้ทุกอะตอมที่ถูกมันชนแตกตัวเป็นไอออนเพราะอิเล็กตรอนของอะตอมพวกนั้นถูกกระแทกกระเด็นไป และรายรอบไอออนเหล่านี้นี่เองที่เป็นสื่อให้หยดน้ำเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นได้ จนเป็นรอยทางที่มองเห็นได้ และลักษณะของรอยทางนี้ช่วยในการศึกษาเกี่ยวกับชนิดและสมบัติของอนุภาคเหล่านั้นได้
แต่ทว่าอากาศมีอะตอมอยู่ค่อนข้างน้อย การถูกอนุภาคชนจึงน้อยด้วย และดังนั้นรอยทางในห้องหมอกจึงเกิดอย่างบางเบา ทำให้พลาดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ๆ ได้ง่าย ๆ และรายละเอียดเล็ก ๆ ของเหตุการณ์ที่โดยเปรียบเทียบแล้วเกิดขึ้นไม่รวดเร็วแต่ก็จะเห็นได้ไม่ชัดเจน
ของเหลวหนาแน่นกว่าแก๊สมาก ดังนั้น อนุภาคที่พุ่งเข้าไปในของเหลวก็ย่อมกระแทกกับอะตอมมีจำนวนมากกว่าที่กระแทกในแก๊ส แต่จะใช้ของเหลวมาดูรอยทางของอนุภาคได้อย่างไร?
ในปี ค.ศ. 1952 นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันชื่อว่าโดนัลด์ เอ. เกลเซอร์ (Donald A. Glaser) ขณะนั่งดื่มเบียร์พูดคุยกัน ได้สังเกตเห็นการเกิดฟองภายในแก้วเบียร์ จึงเกิดความคิดว่าแทนที่จะตามดูหยดน้ำที่เกิดในอากาศ การตามดูฟองแก๊สในของเหลวน่าจะง่ายดายกว่า เรื่องของเบียร์นี้พูดกันทั่วไปและมีเขียนไว้หลายที่ แต่เมื่อปี ค.ศ. 2006 นี้เอง เกลเซอร์ปฏิเสธว่าพูดกันไปเอง |