มะเร็งปอด
เป็นโรคที่พบมากและเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย พบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับในเพศชายและเป็นอันดับ 4 ในเพศหญิงรองจากมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งตับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ รวมทั้งผู้ที่สูดดมควันบุหรี่จากผู้อื่น มะเร็งปอดหมายถึงอุบัติการณ์ที่เซลล์ในปอดมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วผิดปกติที่ไม่สามารถควบคุมได้ และมีการเจริญเติบโตลุกลามรวมตัวกันเป็นกลุ่มเซลล์เนื้องอกที่มีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ (Tumor)
อาการของมะเร็งปอดเป็นอย่างไร
ผู้ป่วยมะเร็งปอดมักมีประสบการณ์ของอาการดังนี้ ไออาจมีเสมหะหรือมีเลือดปน หายใจสั้น เจ็บบริเวณหน้าอก เบื่ออาหาร เพลีย และ เหนื่อยง่าย
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปอด
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดมี 2 ประเภทคือ ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น พันธุกรรม และปัจจัยที่ควบคุมได้เช่น สิ่งแวดล้อม ปัจจัยที่สามารถควบคุมได้นั้นเป็นปัจจัยที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น การสูบบุหรี่ หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีควันบุหรี่
สารรังสีในบุหรี่มาจากไหน?
เป็นที่ชัดเจนแล้ว แต่คนทั่วไปส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าใบยาสูบนั้น สะสมสารกัมมันตรังสีจากการใช้ปุ๋ยฟอสเฟตบำรุงดิน ปีแล้วปีเล่าของเกษตรกรชาวอเมริกัน เพื่อให้ได้ใบยาสูบที่มีคุณภาพและกลิ่นดี ปุ๋ยฟอสเฟตทำมาจากหินแร่ที่มีชื่อว่าอะพาไทต์ (apatite) โดยนำมาบดให้เป็นผง ละลายในกรดแล้วแปรรูปเป็นปุ๋ยสูตรต่าง ๆ ต่อไป หินแร่นี้นอกจากมีพอโลเนียม-210 แล้วยังมีเรเดียมและตะกั่ว-210 ด้วย จากสถิติผู้ตายด้วยมะเร็งปอดของชาวอเมริกัน ในช่วง 30 ปีระหว่าง พ.ศ.2473-2503 พบว่ามีเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าจาก 3.8 ต่อประชากร 100,000 คน เป็น 31 ต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งสอดคล้องต้องกันกับการเพิ่มขึ้นของพอโลเนียม-210 ในบุหรี่ถึง 3 เท่า ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ดังนั้นปุ๋ยฟอสเฟตจึงเป็นจุดเริ่มต้นของที่มาของสารรังสี จากนั้นจะถูกดูดซึมไปที่ใบยาสูบ เมื่อนำมาแปรรูปเป็นยาเส้น มวนเป็นบุหรี่ เผาเป็นควัน แล้วสูบอัดเข้าสู่ปอด สารรังสีก็จะไปเกาะรวมตัวกันเป็นจุด ๆ ทำให้มนุษย์เป็นมะเร็งปอดและตายในที่สุด |